บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: ข่าวสดพระเครื่อง | เผยแพร่เมื่อ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
“วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี
ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศสยาม เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาองค์ความรู้หลายแขนง ทั้งการแพทย์แผนไทย ตำราหมอนวดและฤๅษีดัดตน ตลอดจนวิชาความรู้ด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ศึกษาหาความรู้อย่างเสรี เป็นแหล่งเล่าเรียนวิชาความรู้ของมหาชน ไม่เลือกชั้นบรรดาศักดิ์
ส่งผลให้องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้เสนอจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกในระดับนานาชาติ และยูเนสโกได้ประกาศรับรองจารึกวัดโพธิ์เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกในทะเบียนนานาชาติ (International Register) ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร
ย้อนหลังกลับไปในปี พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๐๙ สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณณสิริ) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในยุคนั้น (พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช) มีพระดำริจัดตั้ง “มูลนิธิ” เพื่อนำดอกผลมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะพระอาราม
จึงดำเนินการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโดยความช่วยเหลือของ “พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤติยากร” ประธานองคมนตรีในขณะนั้น นำความขึ้นกราบบังคมทูลถึงความจำเป็น
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตและพระราชทานนามมูลนิธิว่า “มูลนิธิทุนพระพุทธยอดฟ้า” พร้อมทั้งทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย
สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณณสิริ) ได้จัดประชุมกรรมการเรื่องการระดมทุนมาจัดตั้งเป็นกองทุนมูลนิธิ โดยที่ประชุมมีมติให้จัดงานทอดผ้าป่ามหากุศล ๘๔,๐๐๐ กอง พร้อมมีการจัดทำวัตถุมงคลที่ระลึกสมนาคุณแก่ผู้บริจาค คือ “พระกริ่งและเหรียญวัตถุมงคล”
สำหรับพระกริ่ง ถวายพระนามว่า “พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า” ด้วยมูลเหตุที่มูลนิธินี้ได้รับพระราชทานนามว่า “มูลนิธิทุนพระพุทธยอดฟ้า” ดังนั้น เพื่อให้สมกับพระนาม จัดสร้างด้วยเนื้อทองคำ น้ำหนักไม่น้อยกว่า ๒ บาท สำหรับสมนาคุณผู้บริจาคตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ขึ้นไป จัดสร้างจำนวน ๑,๒๕๐ องค์
ความเป็นสิริมงคลของพระนามพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า ในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ) ได้บันทึกพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงกอบกู้ชาติและสร้างชาติ พร้อมทรงรักษาชาติไว้ด้วยความเหนื่อยยาก อีกทั้งพระองค์ท่านทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐและยิ่งใหญ่แก่ชาติไทย”
วันประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๙ อันเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีพระราชทานถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นโบราณราชประเพณีทุกปี
การเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่งในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงประกอบพิธีเททองครบทุกช่อ และได้พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า ครบตามจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ จึงเสด็จฯ กลับ
โดยมีพระเกจิคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนั่งปรกปลุกเสก อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋า วัดสามง่าม, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์, หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง เป็นต้น
พระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า จัดสร้างด้วยพิธีกรรมอันเข้มขลัง พร้อมสูงยิ่งด้วยคุณค่าด้วยทองคำ และมีการลงอักขระเลขยันต์มงคล พร้อมบรรจุพระพุทธคุณโดยพุทธาภิเษกตลอด ๓ เดือน แห่งการเข้าพรรษา ตามตำราโบราณของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ทุกประการ
และหลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเททอง และทำการตกแต่งพร้อมบรรจุเม็ดกริ่งแล้ว ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้ง
พร้อมกับนำทองชนวนที่เหลือมารวมกับทองคำอีกจำนวนหนึ่งที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกตลอดพรรษากาล เพื่อนำไปจัดสร้าง “เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” โดยมอบหมายให้กองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ดำเนินการ
เหรียญดังกล่าว แบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ เหรียญทองคำและเหรียญเงิน จัดสร้างเป็นเหรียญทรงเสมา ส่วนเหรียญทองแดง จัดสร้างเป็นเหรียญทรงกลม ทั้งเหรียญทรงเสมาและเหรียญทรงกลม จัดสร้างแบบมีหูห่วง
ด้านหน้าเหรียญทั้ง ๒ แบบ ตรงกลางเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชครึ่งพระองค์ ทรงฉลองพระองค์จักรพรรดิบรมขัตติยราชภูมิตาภรณ์ ในลักษณะนูนต่ำ มีความสวยงามคมชัด ขอบเหรียญด้านบน เขียนอักษรความว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ใต้พระบรมรูปฯ เขียนอักษรความว่า “๖ เมษายน ๒๕๑๐”
ด้านหลังเหรียญทั้ง ๒ แบบ เป็นตราสัญลักษณ์มูลนิธิพระพุทธยอดฟ้า ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน เป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎครอบตราพระมหาจักรี แวดล้อมด้วยฉัตรเครื่องสูง ๗ ชั้น ทั้งด้านซ้ายและขวา มีเปลวพระอุณาโลมขนาบซ้ายขวาระหว่างพระมหาพิชัยมงกุฎและฉัตรเครื่องสูง ๗ ชั้น ด้านบนมีอักษรความว่า “มูลนิธิทุนพระพุทธยอดฟ้าในพระบรมราชูปถัมภ์” ด้านล่างตรง “พระมหาจักรี” มีอักษรว่า “วัดพระเชตุพน”
นอกจากนี้ยังมีการสร้างเหรียญพระพุทธรูปพระพุทธยอดฟ้า ที่เรียกว่า “เหรียญพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า” เป็นเหรียญลักษณะกลม มีหูห่วง ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ เช่นเดียวกับพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า ด้านข้างมียันต์อุณาโลมทั้งซ้ายขวา ส่วนด้านหลังเป็นตรามูลนิธิ สำหรับแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมงานทอดผ้าป่า
รวมไปถึงพระกริ่งพระพุทธยอดฟ้า ขนาดบูชาหน้าตัก ๕ นิ้ว เนื้อทองคำ สำหรับทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
โดยวัตถุมงคลทั้งหมดได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษกอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๕-๖ เมษายน ๒๕๑๐ เนื่องจากวันที่ ๖ เมษายนของทุกปี เป็นวันที่ระลึกพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่า “วันจักรี” วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จัดพิธีทอดผ้าป่า ๘๔,๐๐๐ องค์ พร้อมทั้งพิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษกวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นทั้งหมด
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จฯ ทรงพระสุหร่าย และทรงเจิมวัตถุมงคล จากนั้นทรงเป็นประธานในการมีพระราชดำรัสกล่าวนำประชาชนถวายผ้าป่า
นับว่าพระกริ่งและเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นอีกวัตถุมงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงประกอบพิธีเททอง รวมทั้งทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่า