SIGN IN YOUR ACCOUNT TO HAVE ACCESS TO DIFFERENT FEATURES

FORGOT YOUR PASSWORD?

FORGOT YOUR DETAILS?

AAH, WAIT, I REMEMBER NOW!

Siam Collection

  • LOGIN
  • หน้าแรก
  • สินค้า
  • พระมหากษัตริย์
  • พระเครื่อง
  • ล็อกเก็ตและภาพถ่าย
  • เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • ศิลปะและของสะสม
  • บทความ
  • ติดต่อเรา
  • No products in cart.
รับเช่า
  • Home
  • พระเครื่องและวัตถุมงคล
  • พระเกจิอาจารย์
  • ประวัติพระเกจิอาจารย์
  • ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
scadmin
Saturday, 17 April 2021 / Published in ประวัติพระเกจิอาจารย์, พระเกจิอาจารย์, หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร มีนามเดิมว่า กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นบุตรของคุณพ่อ ตุ้ย ปั้นสน ซึ่งบ้านเดิมอยู่วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มารดาชื่อคุณแม่ต่วน เดชมา เป็นคนบ้าน แค ท่านทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน ๕ คน

คนที่ ๑ ชื่อนายตุ๊ ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
คนที่ ๒ ชื่อนายคาด ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
คนที่ ๓ ชื่อนายชื้น ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
คนที่ ๔ ชื่อนางนาค ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
คนที่ ๕ พระกวย ชุตินฺธโร (มรภาพเเล้ว)

เด็กชายกวย เมื่อโตขึ้นมา โยมบิดาได้ส่งมาเรียนหนังสือกับหลวงปู่ขวด วัดบ้านแค หลังจากหลวงปู่ขวดก็มรณภาพ บิดามารดาจึงได้นำเด็กชายกวยมาเรียนหนังสือขอมต่อกับอาจารย์ดำ วัดหัวเด่น ซึ่งใกล้ ๆ กับวัดบ้านแค หลังจากนั้นก็มาช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนาตามประสาอาชีพของทางครอบครัว

อุปสมบท

ต่อมาเมื่อครบอายุบวช จึงเข้าอุปสมบท โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระชัยนาทมุนี มีหลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละพระอาจารย์หริ่งเป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา๑๗ นาที อายุ ๒๐ ปี ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีฉายาว่า ชุตินฺธโร แปลว่า “โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ทั่งสิ้น ถ้าท่านผู้ใดตัดกิเลส ตัณหาได้ก็จะถึงซึ่งฝั่งพระนิพพาน”

วิชาการเเหล่เเละเทศน์

เมื่ออุปสมบทแล้วก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแค ตอนนั้นหลวงปู่มา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระกวย ชุตินฺธโร จึงหัดเทศน์เวสสันดรชาดก กันฑ์กุมาร, ทานกัณฑ์ ท่านชอบเทศน์แหล่หญิงหม้าย ซึ่งกล่าวถึงพระนางมัทรี ตอนที่องค์พระเวสสันดร ถูกเนรเทศออกนอกเมือง ไปบวชอยู่ในป่า หลักฐานในเรื่องนี้คือใบลานเทศน์ต่างๆ ที่หลวงพ่อเก็บรักษาไว้ เเละบางอันท่านได้ประทับตราสิงห์ชูคอเอาไว้ บางอันหลวงพ่อเขียนไว้ว่า พระกวยสร้างถวาย หรือพระกวยสร้างส่วนตัว หลังจากนั้นหลวงพ่อได้ไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด หรือโรคห่า เเละโรคไข้ทรพิษ

เรียนวิชากับหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์

ต่อมาในวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ท่านได้มาอยู่ที่วัดวังขรณ์ ต.โพธิ์ชนไก่ ๒ พรรษา ในพรรษาต่อมาได้เรียนธรรมโท แต่พอสอบไล่ เป็นไข้ไม่สบายเลยไม่ได้สอบ จึงมาคิดได้ว่าปริยัติธรรมก็เรียนมาพอสมควร จึงอยากจะเรียนวิปัสสนากรรมฐานและอาคมตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลัง จึงได้เดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อศรี วิริยะโสภิต แห่งวัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อได้เรียนวิชาทำแหวนนิ้ว ซึ่งแหวนนิ้วของหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ใต้ท้องวงจะตอกตัวขอมอ่านว่าอิติ ของหลวงพ่อกวยก็เช่นกัน และท่านยังได้ได้เรียนวิชาอีกหลายอย่างกับหลวงพ่อศรีนี้ หลวงพ่อกวยได้ยันต์เเรกที่หลวงพ่อสำเร็จเเละท่านมั่นใจในยันต์นี้มาก นั่นคือ ยันต์มงกุฎพระเจ้า ซึ่งหลวงพ่อมักใช้ปลุกเสกพระเเละเครื่องรางต่างๆ ท่านมั่นใจในยันต์นี้มาก เเละได้ใช้ยันต์นี้ลงในหลังเหรียญรุ่นเเเรกของท่าน โดยบรรจุยันต์นี้ครบสูตร เเละท่านยังได้ทำเป็นตรายางเพื่อประทับผ้ายันต์เเละรูปถ่ายบางรุ่น คือมีความหมายทางคุ้มครองเเละช่วยเสริมดวง จนกลายมาเป็นชื่อยันต์เสริมดวงที่เรียกกันนั่นเอง นอกจากนี้ ตามที่ได้ข้อมูลว่า ยันต์เเละคาถานะโมตาบอด หลวงพ่อก็ได้มาจากหลวงพ่อศรี ยันต์นี้นอกจากใช้จารเครื่องรางเเล้ว ท่านยังใช้บรรจุที่หลังเหรียญรุ่นสองของท่าน หลังจากเล่าเรียนกับหลวงพ่อศรี ท่านก็มาจำพรรษาอยู่วัดหนองตาแก้ว ต.โคกช้าง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่วัดตาแก้วนี้ หลวงพ่อได้ปลูกต้นสมอไว้ ๑ ต้น ปัจจุบันยังอยู่ หลวงตาสมานเคยไปอยู่วัดหนองตาแก้ว ได้นำไก่แจ้เอาไปนอนบนต้นสมอ ปรากฏว่าไก่ไม่ยอมนอน ไม่ทราบว่าหลวงพ่อได้ลงวิชาอะไรไว้ ทั้งๆ ที่หลวงพ่อเพิ่งอายุ ๒๘ ปี พรรษาได้ ๘ พรรษา แสดงว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีอาคมตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มๆ ต้นสมอที่หลวงพ่อลงอาคมนี้ ปัจจุบันยังอยู่เเละไม่มีใครกล้าไปตัดหรือทำอะไร เพราะกลัวอาถรรพ์ เคยมีพระบางรูปขึ้นไปตัด เเต่ก็ต้องเจอกับอาถรรพ์จนเสียชีวิตมาเเล้ว

ตำราในโพรงไม้

ต่อมา ในวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท อีก ๑ พรรษา ได้เรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับหมอใย บ้านบางน้ำพระ ในขณะที่พักจำพรรษาที่วัดหนองแขม ได้มีเพื่อนภิกษุชื่อแจ่ม ได้เดินทางท่องเที่ยว ไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงไม้ แต่เอามาไม่ได้ เพราะตำรานั้นมีอาถรรพณ์แรงมาก คล้ายมีเทพและเทวดารักษา จึงได้มาชักชวนพระกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียน มาบูชาใต้โคนไม้ พระภิกษุกวยจึงได้จุดธูปบอกเล่าและอธิษฐานว่า “ถ้าจะให้ข้าพเจ้าเอาตำรานี้ไปเก็บรักษาไว้ ขอธูปที่จุดนี้ให้ไหม้ให้หมดดอก” แต่ปรากฏว่าธูปได้ไหม้ไม่หมด พระภิกษุกวยจึงได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานขึ้นมาใหม่ว่า “ถ้าหากว่าท่านจะให้ตำรานี้ให้ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น” แล้วก็จุดธูปขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ปรากฏว่าธูปได้ไหม้หมดทั้ง ๓ ดอก หลวงพ่อจึงได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของตำรา และอัญเชิญเอาตำรานั้นมาเก็บไว้ เกี่ยวกับตำรานี้ มีคำร่ำลือกันว่า ก่อนหน้านั้นมีคนๆ หนึ่ง ได้นำตำราชุดนี้มาเก็บไว้ในบ้าน ได้เกิดเหตุวิบัติ เจ็บไข้ล้มตาย จึงเอาตำราชุดนี้มาทิ้งไว้ที่ดังกล่าว พระภิกษุกวยเมื่อได้ข่าวดังนั้นก็มาเปิดตำราดู ก็ปรากฏว่ามีลายลักษณ์อักษรบอกไว้ในตำราว่า ตำรานี้ห้ามเอาไปไว้บ้านใครๆ ทั้งสิ้น มิฉะนั้นจะฉิบหาย ท่านจึงได้ศึกษาตำรายันต์และคาถาจากตำราเล่มนี้ ปัจจุบันตำราเล่มนี้ยังอยู่ที่วัด หน้าปกเขียนว่า “ครูแรง” ด้วยสีแดง นับว่าหลวงพ่อกวยท่านเป็นพระที่ได้ตำราเเบบเเปลกกว่าพระอื่นๆ ทั่วไป ส่วนพระภิกษุเเจ่มที่เป็นคนพาหลวงพ่อไปเอาตำรานี้ ภายหลังได้สึกเเละผันชีวิตไปเป็นอ้ายเสือ เรื่องตำรายันต์ที่หลวงพ่อคัดลอกและเรียนมานี้ ปัจจุบันบางส่วนยังอยู่ที่วัด บางส่วนอยู่ที่ศิษย์หลวงพ่อหลายๆ ท่าน เช่นที่อาจารย์เหวียน มณีนัย บ้านท่าทอง ต.ปากน้ำ อ.เดิมบาง จ.สุพรรณบุรี อยู่ที่วัดท่าทอง อยู่ที่อาจารย์โอภาสหรือตั้ว (มรณภาพเเล้ว) วัดซับลำใย จ.ลพบุรี อยู่ที่อาจารย์แสวง (มรณภาพเเล้ว) วัดหนอง อีดุก อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

ตำราเก่า สมุดบันทึก ตลอดจนของเก่าๆ ที่หลวงพ่อเก็บไว้ บางอย่างท่านจะห่อปกด้วยกระดาษ เเละมักจะเขียนว่าห้ามทำสกปรก จะจับถือให้เบามือ เเสดงว่าหลวงพ่อท่านเป็นคนรักของเเละมีระเบียบ หลวงพ่อไม่หวงของ เเต่ไม่ชอบให้ทิ้งขว้าง ตำรายาเเละเลขยันต์ต่างๆ ที่ท่านได้จดบันทึกไว้ บางเล่มท่านจะเขียนหน้าปกไว้ว่า ห้ามหยิบ ห้ามจับ ครูเเรง บางเล่มจะเขียนสั่งว่า เปิดดูจุกตาย เป็นต้น

เรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

เมื่อหลวงพ่อออกจากวัดหนองแขมแล้ว ได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ได้เรียนวิชาทำแหวนแขน, ตะกรุด, มีดหมอ และอื่นๆ ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้กันคือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย

จากคำบอกเล่าจากพระภิกษุแบนและพระหลวงตา ตลอดจนศิษย์รุ่นเก่า ได้พูดตรงกันว่า หลวงพ่อกวยตอนที่อยู่ที่วัดก็เป็นพระที่มีอาคมเหมือนพระทั่วๆ ไป แต่เมื่อท่านกลับมาจากเรียนวิชาจากเมืองเหนือ (หมายถึงนครสวรรค์) เมื่อท่านกลับมาท่านเก็บตัว พูดน้อย มีจิตมหัศจรรย์ วาจาสิทธิ์

เรื่องที่หลวงพ่อไปเรียนวิชามากับหลวงพ่อเดิมนี้ มีหลักฐานคือ มีรูปถ่ายของหลวงพ่อเดิม มีจารด้วย เป็นรูปถ่ายพรรษาท้ายๆ ของหลวงพ่อเดิม ลายมือ พบในกุฏิของหลวงพ่อ

หลักฐานอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงหล่อน คนสักยันต์แทนหลวงพ่อ ตอนนั้นลุงหล่อนได้ทำบุญเเละได้รูปหลวงพ่อเดิมมาสองรูปกับเเหวนหลวงพ่อเดิมหนึ่งวง รูปนั้นเป็นรูปหลวงพ่อเดิมพรรษาท้ายๆ อีกรูปเป็นรูปหลังเเววหางนกยูง ข้อมูลจากลุงหล่อน ได้กรุณาเล่าว่า สมัยนั้นเดินไปกับหลวงพ่อ ตอนนั้นลุงยังหนุ่มๆ อายุยี่สิบเศษๆ เดินเท้าจากบ้านเเคไปตาคลี ใช้เวลาหนึ่งวัน ไปค้างที่วัดหนองโพสามคืน ลุงหล่อนได้คุยเเละนวดให้หลวงพ่อเดิมด้วย ลุงบอกว่าหลวงพ่อเดิมนั้นใจดี มีเมตาตามาก หลวงพ่อกวยเคยขอเรียนวิชาทำทอง เล่นแร่แปรธาตุ แต่หลวงพ่อเดิมไม่สอนให้ ท่านจึงเรียนมาเท่านั้น

การสักยันต์

ต่อมาเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค หลวงพ่อได้ทำการสักให้ศิษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน ทางเดินสมัยก่อนต้องเดินเท้าเอา ลำบากมาก อย่างดีก็ขี่จักรยาน รถ ๒ แถว มีเข้าวัด ๑ คัน ออก ๑ คัน เท่านั้น มีศิษย์สักมาก ได้จดบัญชีไว้ ๔ หมื่น ๔ พันคน

ต่อมา หลวงพ่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา หลวงพ่อได้หยุดสัก เปลี่ยนมาทำพระเเละแต่เรื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุด, มีดหมอ, แหวนแขน เป็นต้น ช่วงนั้น ข้าวยากหมากเเพง โจรร้ายเต็มบ้านเมือง โดยเฉพาะเเถวภาคกลางตอนล่าง เเถบนครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี เป็นเเหล่งกบดานของก๊กเสือร้ายหลายกลุ่ม ชาวบ้านเเคก็ได้อาศัยบารมีหลวงพ่อเพื่อคุ้มครองครอบครัวเเละทรัพย์สิน ของมีค่าต่างๆ ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อที่วัด ลูกเมียก็จะมาขอนอนที่วัดเพราะกลัวโจรฉุด วัวควายก็พากันเอามาผูกในลานวัด จากคำบอกเล่าของคนเก่าๆ ที่บ้านเเค เล่าว่า พวกโจร เสือต่างๆ ไม่มีใครกล้ากับหลวงพ่อ มีอยู่รายหนึ่งเป็นเสือมาจากอ่างทอง พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก เเต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับ เเละก็ไม่มาเเถวบ้านเเคอีกเลย เขาว่าในสมัยนั้น เมื่อเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง

ผลงานทางศาสนา

หลวงพ่อไม่ชอบการก่อสร้าง ชอบความเป็นอยู่แบบสมถะ แม้กุฏิของหลวงพ่อก็เป็นไม้ทรงไทยโบราณ แต่การก่อสร้างนั้น หลวงพ่อยกหน้าที่ให้กรรมการวัด แม้การก่อสร้างก็ให้กรรมการวัดและชาวบ้านทำ ยกเว้นส่วนที่ยากจึงจ้างช่างทำ ฉะนั้น ทางวัดจึงมีแต่กุฏิเก่าๆ ที่สร้างใหม่ก็มีมีแต่พระอุโบสถ, ศาลาทำบุญ และกุฏิชุตินฺธโร ที่ศิษย์สร้างถวายเท่านั้น

เกี่ยวกับพระอุโบสถนั้น ศิษย์หลวงพ่อ โยมเช้า เเผ้วเกตุ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของท่านเจ้าอาวาสวัดโฆสิตารามรูปปัจจุบัน เล่าว่า สมัยก่อนได้ไปกับหลวงพ่อ ไปหาอิฐเก่าๆ ตามวัดร้าง โดยใช้เกวียนขน เพื่อมาทำฐานพระอุโบสถ นอกจากนี้ คนในตระกูลยิ้มจูบางท่าน ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของหลวงพ่อ ได้เล่าให้ฟังว่า เคยมาช่วยหลวงพ่อถมดินรอบพระอุโบสถ เวลาไปช่วยงาน หลวงพ่อจะเเจกพระให้ทุกครั้ง

สมณศักดิ์

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๑ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน และมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ อายุ ๗๔ ปี ๕๔ พรรษา ด้วยอาการสงบ

ก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ หลวงพ่อได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท หมอได้วินิจฉัยโรคว่าหลวงพ่อเป็นโรคขาดอาหาร มาเป็นเวลา ๓๐ ปี ได้ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับหลวงพ่อ เป็นเวลาถึง ๑ เดือน ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อยู่โรงพยาบาลได้ไม่นานก็กลับวัด เมื่อกลับวัดหลวงพ่อก็ยังได้ฉันอาหารเพียงวันละ ๑ ครั้ง เช่นเดิม โดยไม่เปลี่ยนความตั้งใจ หลวงพ่อยังคงคร่ำเคร่งในการสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล

มรณภาพ

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงพ่อได้วงปฏิทิน วันที่ท่านเริ่มเจ็บเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน และวงปฏิทินวันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง คือ วันที่ ๑๑ มีนาคม และ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒ พร้อมทั้งเขียน พระคาถา “นะโมตาบอด” ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง หลวงพ่อเขียนว่า “อาตมาภาพพระกวย ” นะตันโต นะโมตันติ ตันติ ตันโต นะโม ตันตัน” จะมรณภาพ วันที่ ๑๑ เมษายน เวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที”

พอวันที่ ๑๑ มีนาคม หลวงพ่อก็ล้มป่วย ไม่มีโรคอะไร เพียงแต่ไม่มีกำลัง ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล มีอาการไข้แทรก ฉันอาหารแทบไม่ได้เลย ไม่มีรสชาติ บางครั้งท่านพ่นข้าวออกจากปาก ไม่ยอมฉัน แล้วหยิบแผ่นตะกรุดขึ้นมาจาร บางครั้งก็จับสายสิญจน์ ปลุกเสกวัตถุมงคล กลางคืนก็จับสายสิญจน์ปลุกเสกวัตถุมงคล บางคืนถึงสว่าง ร่างกายของท่านปกติก็ผอมมากอยู่แล้ว กลับผอมหนักเข้าไปอีก

วันที่ ๑๐ เมษายน กลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด ตอนเช้ายิ่งมาก เพราะท่านจะมรณภาพ แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ ค่อนสว่างวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้ ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์ และรูปครูบาอาจารย์ คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านแน่ อยากเห็นท่านไปดี จึงปรึกษากัน นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์ เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์ ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาพนมมือ เกิดอัศจรรย์ ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา ดังหง่าง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังยาวนาน ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ตีระฆัง คือคาดว่ามีคนตีระฆัง เมื่อจับเวลาดู เป็นเวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที จับชีพจรท่านดู ปรากฏว่าท่านมรณภาพแล้ว ตรงกับวันที่ ๑๒ เมษายน ซึ่งวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยโบราณ

ปัจจุบันทางวัดเเละเหล่าบรรดาศิษย์หลวงพ่อจึงยึดเอาในวันที่ ๑๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญประจำปีเพื่ออุทิศและระลึกถึงหลวงพ่อ จบประวัติของหลวงพ่อคร่าวๆ เเต่เพียงเท่านี้ ขอให้หลวงพ่อคุ้มครองทุกท่านให้มีแต่ความสุขความเจริญ ชีวิตไม่ตกต่ำเหมือนกับคำพรของหลวงพ่อ ที่เคยให้ไว้

“ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา”

หมายเหตุ : ข้อมูลต่างๆ เเกัไขเเละดัดเเปลงจาก ข้อมูลของเก่าครูสมจิต (เฒ่า สุพรรณ) ที่เขียนไว้ในหนังสือนะโม เเละหนังสืออิทธิปาฎิหารย์หลวงพ่อกวยเล่มเเดง ที่เขียนโดยครูสมจิต เเละจากการบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อ

บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา : www.watkositaram.com


Post Views: 1,361
  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine
Tagged under: วัดโฆสิตาราม, หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร

What you can read next

พระนักธรรม หลังยันต์ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง
คนดวงเฮง ๑๒ ล้าน แก้บน “หลวงพ่อเคลือบ”
เปิดที่มาความศรัทธา “หลวงปู่ทวด” คาถา บทสวด เพื่อความแคล้วคลาด

นานาสาระ พระเครื่องและของสะสม

  • บทความ (ทั้งหมด)
  • รัชกาลที่ ๙
  • พระเครื่องที่ผสมผงจิตรลดา
  • พระเครื่องที่มีพระปรมาภิไธย ภปร.
  • พระเครื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์
  • ประวัติพระเกจิอาจารย์
  • พระเครื่องและวัตถุมงคล
    • บทความ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
    • บทความ หลวงพ่อน้อย ชุตินฺธโร
    • บทความ หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี
    • บทความ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม
  • อ.ธนะเมศฐ์ ตันติฤทธิ์ดำรงค์
  • ธรรมะและบทสวดมนต์
  • ล็อกเก็ตและภาพถ่าย
  • เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • ศิลปะและของสะสม
  • Siam Collection Show
  • มุมนักสะสม
  • บันทึกเพื่อศึกษา
  • เสาะหาเพื่อสะสม

บทความล่าสุด

  • วิชาที่ใช้เสกวัตถุมงคล สายลูกศรีวิชัย

    วิชาที่เสกจริงๆ มีหลายวิชา เพราะว่าผมเองมีครูบา...
  • วัตถุมงคลที่ระลึกงานทำบุญวันเกิด หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต วันที่ 5 เมษายน 2565

    เรียน สมาชิกเพจ ลูกศรีวิชัยทุกท่าน เนื่องด้วยวั...
  • วัตถุมงคล สายลูกศรีวิชัย

    เล่าเรื่องวัตถุมงคล สายลูกศรีวิชัย วัตถุมงคลของ...
  • ล็อกเก็ต ฉากดำ

    เล่าเรื่องล็อกเก็ต ฉากดำดีกว่า ผมได้ทำวัตถุมงคล...
  • วัตถุมงคลที่ อ.ธนะเมศฐ์ ตันติฤทธิ์ดำรงค์ (อ.ออย) จัดสร้าง แจกในวันเกิดหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ภิกขุ ปี 2564

    เรียน ผู้ที่ศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต เรื่อ...

บทความยอดนิยม

  • ประวัติท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณี (3,174)
  • จตุคามรามเทพ รุ่นโคตรเศรษฐี (1,531)
  • ปาฏิหาริย์ “หลวงพ่อสมปรารถนา” แค่ภาพถ่ายยังศักดิ์สิทธิ์ (1,404)
  • ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท (1,361)
  • ล็อกเก็ตเเละรูปหล่อหลวงพ่อกวยช่วยสร้างพระอุโบสถ (1,100)
  • พิธีมหาพุทธาภิเษก จตุคามรามเทพ รุ่นโคตรเศรษฐี (1,023)
  • หลวงปู่ทวดเบ้าทุบ หล่อโบราณ รุ่น “ชนะคน” วัดสุทัศน์จัดสร้าง ปี 2538 (973)
  • ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อน้อย ชุตินธโร วัดเนินเวียง (เวียงสวรรค์) ต.บางมะฝ่อ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ (973)
  • เปิดที่มาพระสมเด็จเหม็น หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง วัตถุมงคลชื่อดังเพชรบุรี (885)
  • เหรียญรุ่นแรก-ใบตำลึง หลวงพ่อน้อย วัดเนินเวียง พระเกจิชื่อดังนครสวรรค์ (885)
  • เหรียญพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างเผือก ส.ค. ๒๕๒๐ จ.นราธิวาส (872)
  • พระนักธรรม หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง (808)
  • พระเครื่องในหลวงทรงสร้าง (๑๕ – ตอนที่ ๓) (762)
  • พญานาคเจ็ดเศียร นาคาธิบดีศรีสัตตนาคบาดาล (พญาศรีสัตตนาคราช) (741)
  • พระเครื่องในหลวงทรงสร้าง (๑๕ – ตอนที่ ๕) (722)

เมนูหลัก

  • สินค้าในร้าน (ทั้งหมด)
  • พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์
  • พระเครื่องและวัตถุมงคล
  • ล็อกเก็ตและภาพถ่าย
  • เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • ศิลปะ รูปภาพ และของสะสม
  • โชว์
  • พญาครุฑพระอาจารย์วราห์ ปุญญวโร (รอทำข้อมูล)
    Read more
  • ท้าวเวสสุวรรณ พระอาจารย์อิฏฐ์ ภทฺทจาโร
    Read more
  • รัชกาลที่ ๑ อยู่ระหว่าง การจัดทำข้อมูล
    Read more
  • ล็อกเก็ตในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลังลายเซ็น
    Read more
  • ล็อกเก็ตในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลัง ภ.ปร.
    Read more
  • ล็อกเก็ตในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลังลายเซ็น
    Read more
  • อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
    Read more
  • ล็อกเก็ตสมเด็จย่าและสมเด็จพระพี่นาง รุ่นพระมหามณฑป
    Sale Product on sale
    ฿1,899.00 ฿1,550.00
    Add to basket
  • ล็อกเก็ตพระมหามณฑป ภปร. สก.
    Read more

Siam Collection ล็อกเก็ตในหลวง และพระเครื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์

เมนู

  • สินค้าในร้าน (ทั้งหมด)
  • พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์
  • พระเครื่องและวัตถุมงคล
  • ล็อกเก็ตและภาพถ่าย
  • เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • ศิลปะ รูปภาพ และของสะสม
  • โชว์

บริการของเรา

  • โฆษณากับเรา
  • รับทำเว็บไซต์พระเครื่อง
  • รับเปลี่ยนพื้นหลังภาพถ่ายพระเครื่อง

เกี่ยวกับเรา

  • รู้จักกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • วิธีสั่งซื้อ
  • วิธีชำระเงิน
  • วิธีแจ้งโอนเงิน
ติดต่อเรา
โทร. 063 639 2524
เฟสบุ๊ค : @SiamCollection.in.th
ไลน์ : @siamcollection
  • GET SOCIAL
Siam Collection

© 2021. All rights reserved.

Flag Counter
TOP