“พระราชพรหมยาน” หรือ “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง” พระเกจิดัง เล่าเรื่องของฝากจากพญายมราช เรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับแบบได้อานิสงส์มากที่สุด
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ถ้าพูดถึงความศักดิ์สิทธ์ของพระสงฆ์ที่คนเคารพนับถือมากที่สุด คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นพระภิกษุนิกายเถรวาท ฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้วิชามโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้
คนไทยนั้นมีความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายมากมาย บ้างก็เชื่อว่าต้องทำบุญให้แก่ตัวเอง เพื่อวันที่จากโลกนี้ไปอยู่ในโลกแห่งความตายจะได้มีกิน ไม่ลำบาก หรือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อให้คนที่อยู่อีกโลกไม่ลำบากนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ และวันนี้เรามีเรื่องราวความเชื่อของโลกหลังความตายอย่างการอุทิศส่วนบุญมาฝาก
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่องของฝากจากพญายมราช ท่านพญายมราชได้มาบอกอาตมาเรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย เมื่อวันปวารณาออกพรรษา ปี พ.ศ. 2531 ว่า “ที่สำนักท่านพญายมจะหยุดทำงาน เรียกว่า หยุดนรกการ 3 วัน คือ วันออกพรรษา วันปวารณา และวันรุ่งขึ้น รวมเป็น 3 วัน”
วันมหาปวารณาเป็นวันสำคัญ ท่านไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวนตามปกติเขามีอิสระอยู่แล้วจะไปไหนก็ได้ แต่ถึงเวลาสอบสวนก็จะมาเอง เพราะกฎของกรรมบังคับ คนที่มาคอยอยู่ที่นี่จะมีโอกาสพ้นนรกหรือไม่ก็ยังไม่แน่ ถ้าบรรดาญาติฉลาด หมายถึงทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้ตรงเฉพาะคนเดียว โดยเอ่ยชื่อ นามสกุล อย่าให้คนอื่น เพระเวลานั้นยังเป็นเวลาปลอดอยู่ มีสภาพคล้ายสัมภเวสี อาตมาจึงถามว่า “ทำบุญอะไรพวกนี้จึงจะไปสวรรค์ชั้นสูงและมีความสุขมาก”
ท่านตอบว่า “แดนใดที่ไม่มีบุญทำแล้วก็ไม่ได้รับเหมือนกัน” หมายความว่า พระสงฆ์ที่เราไปทำบุญนั้นเป็นพระแค่ศีรษะกับห่มผ้าเหลือง ไม่ปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ให้ครบถ้วนเรียกว่า “สมมุติสงฆ์” อย่างนี้ทำไปเท่าไรก็ไม่มีผล อุทิศส่วนกุศลให้คนตายเขาก็ไม่ได้รับ ถ้าทำบุญในเขตที่มีบุญน้อย ผู้รับก็มีอานิสงส์น้อย มีความสุขน้อย ทำบุญในเขตที่มีอานิสงส์มาก ได้รับผลบุญมาก ก็มีความสุขมาก
และการสร้างบุญเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ขึ้นอยู่กับสร้างดีก็ได้บุญ ถ้าสร้างไม่ดีก็ได้บาป หมายถึง ก่อนจะทำบุญก็กินเหล้าก่อน พอพระกลับก็กินเหล้ากันอีก แต่ถ้าหากตั้งใจทำบุญโดยมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีบาป มีแต่บุญ อย่างนี้ผู้สร้างบุญก็ได้บุญเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ คือบุญนี่จะต้องได้แก่ผู้สร้างบุญก่อน แล้วผู้สร้างจึงจะอุทิศส่วนกุศลให้คนอื่นได้
ท่านจึงบอกว่า “สังฆทานดีที่สุด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ท่านจะช่วยได้จริงๆ ต้องเฉพาะคนที่ไปคอยการสอบสวนที่สำนักท่านพญายมราชเท่านั้น อย่างสัมภเวสี เปรต อสุรกาย ไม่ผ่านท่าน ท่านช่วยไม่ได้ และคนที่ตายแล้วลงนรกทันที ท่านก็ช่วยไม่ได้เพราะไม่ได้ผ่านสำนักท่าน เวลาทำบุญเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย ถ้ายังไม่มั่นใจให้บอกท่านว่า “ถ้าบุคคลนั้นยังไม่มีโอกาสโมทนา ขอท่านพญายมราชเป็นพยานด้วย หากว่าพบเธอผู้นั้นเมื่อใด ขอให้บอกเธอโมทนาเมื่อนั้น” เพราะไม่แน่นัก เนื่องจากขณะที่มีชีวิตอยู่ คนเราทำทั้งบุญทั้งบาป เวลาตายไปแล้วถ้าไปอยู่ที่สำนักท่านพญายมราช บางทีกรรมบางอย่างมันปิดปาก เวลาถามถึงเรื่องบุญทำให้นึกไม่ออก ตอบไม่ได้ หากว่าท่านถามถึง 3 ครั้ง ยังนึกไม่ออกอีก ก็ต้องปล่อยให้ลงนรกไป
แต่ถ้าเวลาอุทิศส่วนกุศลขอให้ท่านเป็นพยาน เพียงแค่นี้พอโผล่หน้าเข้าไปท่านก็จะประกาศว่า ที่เคยขอให้ท่านเป็นสักขีพยาน และท่านก็จะประกาศกุศลนั้นบอกให้โมทนา ก็จะไปสวรรค์เลยโดยไม่ต้องมีการสอบสวน
เรื่องราวนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ
ขอบคุณ : TNEWS
ที่มา : www.thainewsonline.co