◎ ชาติภูมิ
“หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร” หรือ “สําเร็จแก้ว” เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ ปี ฉลู ที่บ้านกุศกร อําเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องรวมท้อง ๔ คน หญิง ๒ คน ชาย ๒ คน สําเร็จแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) เป็นลูกชายคนสุดท้อง บิดาชื่อ นายแก้ว หรือ จานแก้ว มารดาชื่อ นางสีดา นามสกุล อ่อนจันทึก
◎ ปฐมวัย
บิดามารดามีฐานะยากจน หาปลา หอย ปู มาเลี้ยงครอบครัว สมัยนั้นการเดินทางไม่มีพาหนะ การไปมาเดินทางด้วยความยากลําบาก เดินทางด้วยเท้าเปล่า รองเท้าไม่มีใส่ ต่อมาชะตาของหลวงปู่พรหมมาก็มาถึงจุดเปลี่ยน มารดาได้มาตายจากตั้งแต่ยังเล็ก อายุได้ ๘ ขวบ ต่อมาจากนั้นบิดาก็มารับภาระแต่ผู้เดียว ต้องหาเลี้ยงลูกทั้ง ๔ คน ตั้งแต่เด็ก สําเร็จแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) ไม่เคยมีความสุขกับเขาเลย ต้องรับจ้างขึ้นต้นหมากหาเงินช่วยพ่อเลี้ยงพี่น้อง
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย (บ้านดงนา) อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
◎ บรรพชา อุปสมบท
พออายุย่างเข้า ๑๑ ขวบ โยมพ่อแก้ว หรือ จานแก้ว ได้พาไปบวชเณร ที่เมืองจําปาศักดิ์ ชื่อว่า เณรแก้ว อยู่เมืองจําปาศักดิ์ จนครบอายุได้ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระ ต่อมาอยู่ที่เมืองท่าอุเทนได้ ๔ ปี ก็ออกเดินทางไปอยู่กับพระฤาษี ที่ภูเขาควายประเทศลาว ที่นั่นมีแต่ภูเขาและสัตว์ร้ายมากมายหลายชนิด ระยะทางที่หลวงปู่พรหมมาเดินทาง เป็นระยะทางไกลมาก เดินด้วยเท้าเปล่า
พออายุ ๔๐ หลวงปู่พรหมมา ก็ออกเดินธุดงค์ ค่ำไหนก็ปัดกวาดพักที่นั่น เดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ท่านจะฉันข้าววันละครั้ง บางครั้ง ๗-๘ วัน ถึงจะได้ฉันหนึ่งครั้ง การเดินทางของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านไม่เคยกลัวอะไรเลย เพราะท่านสละชีวิตเจริญรอยตามพระพุทธโคดม หลวงปู่พรหมมาธุดงค์ไปเรื่อยๆ ที่ภูเขาควายประเทศลาว เณรแก้ว มีสหายธรรมชื่อ เณรคำ เณรคําเป็นเณรที่ซุกซนมาก ปู่ฤาษีท่านจึงจะ ไม่ค่อยให้เณรคําเดินทางไปไหนมาไหนมากนัก เณรคําบางครั้งท่านจะปรากฏกายเป็นคนแก่ บางครั้งเป็นเด็ก สิ่งที่เณรคําเปลี่ยนแปลงไม่ได้คือ มีแผลเป็นที่คิ้วซ้ายตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่างคนแก่ เด็ก หรืออะไรก็ตาม
พออายุได้ ๔๕ ปี หลวงปู่พรหมมา ได้มาขอกราบลากับพระฤาษีที่ภูเขาควาย จะออกเดินทางธุดงค์ไปที่ทิเบต อยู่ทิเบต ๓ ปี ก็ออกเดินทางไปอยู่เมืองย่างกุ้งประเทศพม่า แล้วธุดงค์กลับมาอยู่เขมรได้ ๓ ปี ก็กลับมาหาพระฤๅษีที่ภูเขาควายอีกครั้ง ต่อมาก็ออกเดินทางไปเมืองฮานอย แล้วเดินทางต่อไปอยู่ที่เขมรต่ำ กัมพูชา สมัยนั้นเกิดสงครามพอดี มีทั้งเสียงปืนเสียงระเบิด และสัตว์ร้ายต่างๆ นานาชนิด หลวงปู่พรหมมาไม่เคยหวั่นกลัวเลย
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย ภาพนี้ถ่ายเมื่อประมาณ พ.ศ ๒๕๑๙ – ๒๕๒๐
ต่อจากนั้นก็เดินทางไปที่มาเลเซีย แล้วกลับไปประเทศลาวอีกครั้ง หลวงปู่พรหมมาท่านได้สร้างวัดที่ประเทศลาว ขณะอยู่ที่วัดนี้ หลวงปู่พรหมมาได้ตัดเหล็กไหลที่ถ้ำแห่งหนึ่งโดยใช้ศรอีตู๋ ได้เหล็กไหล ๒ ชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ฝรั่ง ชิ้นหนึ่งหลวงปู่ฝังไว้ที่แขนของท่าน และอีกต่อมาท่านได้เหล็กไหลเพิ่มมาอีก ๒ ชิ้น
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เกิดสงครารลาว-เวียตนาม ขณะนั้นหลวงปู่ได้ผูกผ้าสบงไว้เพื่อทําเป็นร่มกันแดด ได้มีลูกระเบิดตกลงมาบนผ้า ระเบิดนั้นได้หมุนวนอยู่บนผ้าสบงของหลวงปู่โดยที่ไม่ระเบิด
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ประเทศลาวได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง มีสงครามสู้รบกันหนักมาก หลวงปู่พรหมมาท่านได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ในระหว่างการเดินทาง เครื่องบินทิ้งระเบิด และมีเสียงปืนตลอดทาง
หลวงปู่พรหมมาได้แจกผ้าสบงและผ้าจีวรให้กับศิษย์ที่ติดตามเดินคุมหัวทุกคน ในระหว่างทางมีทหารญวนยิงปืนเอ็ม ๑๖ และอาก้า ใส่หลวงปู่และลูกศิษย์ หลวงปู่พรหมมาท่านเดินทางมาถึงฝั่งริมแม่น้ำโขง ยังไม่รู้ว่าจะไปจําวัดที่ไหน ได้เข้าไปพักในถ้ำแห่งหนึ่ง ได้นั่งสมาธิเห็นตาแสง ซึ่งขณะนั้นตาแสงเป็นฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว ตาแสงได้ทําตามคําสั่งของ พระครูวิโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่รอด) วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ตาแสงบวชอยู่กับพระวิโรจน์ จนสําเร็จวิชา
พระครูวิโรจน์รัตโนบล กล่าวกับตาแสงว่า ถ้าอยากได้วิชามากกว่านี้ให้ตามหาเณรแก้ว หรือสําเร็จแก้ว จนกระทั่งตาแสงได้มาเจอสําเร็จแก้วที่ริมแม่น้ำโขง ตาแสงนิมนต์สําเร็จแก้วมาจําพรรษาที่วัดบุปผาวัน อําเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี สําเร็จแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) ได้มอบตะกรุดโทนยาวประมาณ ๑ ฟุต ซึ่งสําเร็จแก้วได้นํามาจากประเทศลาวด้วย อยู่จําพรรษาที่วัดบุปผาวัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้สร้างเหรียญขึ้นเป็นครั้งแรก หลวงปู่พรหมมา ทํานพักอยู่ที่ใดได้ไม่นาน เมื่อออกจากวัดบุปผาวัน เดินทางมาอยู่ที่ปากห้วยไร่ จากปากห้วยไร่ได้เดินทางไปจําพรรษาที่ถ้ำไป่งช้าง อยู่ที่เวินเพาะ
ขณะอยู่ที่เวินเพาะ ได้สร้างตะกรุดโทนและตะกรุดร้อยแปด ปลัดขิก สร้างจากไม้ตาลปัตร และไม้มงคลต่างๆ ทําสีผึ้ง ทําน้ำมันมนต์จากน้ำมันมะพร้าว ใช้รักษาแผล ประสานกระดูก
ต่อมาท่านออกจากเวินเพาะมาอยู่ที่ อ.ปากชม จ.เลย ได้สร้างวัดชื่อ วัดแสงพรหมธรรมาวาส ท่านให้เอาชื่อตาแสงขึ้นก่อน เพราะช่วยกันสร้างวัดกับตาแสง หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ได้แลกเปลี่ยนวิชากับตาแสง เกี่ยวกับวิชาหัวใจ ๔,๐๐๐ ห้อง ขณะอยู่ที่วัดแสงพรหมธรรมวาส หลวงปู่พรหมมาท่านเป็นพระนักพัฒนา ท่านหวงแหนป่าไม้ยิ่งนัก ท่านได้ไปขัดขวางพวกตัดไม้ทําลายป่า อยู่มาคืนหนึ่ง ขณะอยู่ในถ้ำ หลวงปู่พรหมมา ตาแสง และเณรอีกสององค์ ถูกกลุ่มทําลายป่าลอบยิงในถ้ำ ต่อมาตาแสงได้นิมนต์หลวงปู่มาอยู่ที่บ้านดงนา ได้ตั้งสํานักสงฆ์ชื่อ “สํานักสงฆ์ถ้ำสวนหินผานางคอย”
ทําไมหลวงปู่พรหมมาจึงมาอยู่ที่ผานางคอย เพราะอดีตชาติหลวงปู่ท่านเป็นทหารไปรบที่โคราช แม่ผานางคอย ลูกเจ้าจากฝั่งลาว ซึ่งเป็นคู่รักของท่าน ได้มาคอยคนรักที่ผานางคอย รอเท่าไรก็ไม่เห็นคนรักกลับมา ก็เลยกระโดดผานางคอยตาย จึงเป็นที่มาของผานางคอย
- ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สมเด็จพระเทพฯ ท่านเสด็จมาบ้านดงนา หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ได้ถวายวัตถุมงคลให้แก่สมเด็จพระเทพฯ
- ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ สร้างศาลาการเปรียญ
- ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ สร้างพระอุโบสถ
- ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ สร้างหอระฆัง ศาลาอเนกประสงค์
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย
เมื่ออยู่ที่บ้านดงนา หรือ “สํานักสงฆ์ถ้ำผานางคอย” ปีแรก เนื่องจากหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านเป็นผู้ที่รอบรู้เรื่องสมุนไพร มีคนไข้มารักษาด้วยมากมาย แต่ละคนที่มารักษากับหลวงปู่นั้น มีแต่อาการที่หมอไม่รักษาแล้วทั้งนั้น หลวงปู่ช่วยสงเคราะห์ด้วยความเมตตา หลวงปู่อยากได้สมุนไพรมารักษาคนไข้ ได้ให้ นายสุนาและลูกศิษย์ พาหลวงปู่ข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว พอเดินทางไปไกลได้พอสมควร ขณะนั้นเป็นเวลาช่วงเช้า หลวงปู่ได้สั่งให้ทุกคนหยุดพัก หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ได้ถอดผ้าจีวรและอังสะแขวนไว้กับกิ่งไม้ ภายในอังสะหลวงปู่ท่านจะทํากระเป๋าเล็กๆ ไว้ประมาณ ๒๐ กระเป๋า ภายในแต่ละกระเป๋ามีพระต่างๆ มีเนื้อทองคํา เนื้อนาก และเนื้อทองดอกบวบ พระแต่ละองค์หลวงปู่ได้จากในถ้ำตอนเดินธุดงค์ แล้วแขวนถุงย่ามไว้กับจีวร ในย่ามมีศรอีตู๋ ที่หลวงปู่มีไว้สําหรับตัดเหล็กไหล ในขณะที่หลวงปู่กําลังพักผ่อนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังแซะๆ ดังอยู่หลายครั้ง แล้วสักพักหลวงปู่มองไปเห็น เบ หรือ ระเบิด อาร์พีจี ตกลงมา ๒-๓ ลูก ใกล้กับหลวงปู่พักอยู่ เมื่อลาวแดงเห็นว่ายิงปืนใส่หลวงปู่ไม่ออก ระเบิดก็ไม่ระเบิด ลาวแดงก็ได้ยิงปืนใส่บนกิ่งไม้ที่หลวงปู่อยู่ เพื่อจะให้กิ่งไม้ตกลงมาใส่หลวงปู่ ขณะกําลังชุมนุมอยู่นั้น นายสุนากลัวหลวงปู่จะได้รับอันตราย จึงได้หยิบปืนเอ็ม ๑๖ คู่กายออกมาเพื่อยิงเปิดทางพาหลวงปู่ออกมา ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มีพระที่ติดตามหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ไปด้วยหนึ่งรูป ถูกยิงมรณภาพ ในขณะที่พระรูปนั้นกําลังนั่งฉันตัวนิ่ม นั่งอยู่ห่างจากหลวงปู่ประมาณ ๑๐๐ เมตร
ขณะที่นายสุนาพาหลวงปู่ฝ่าวงล้อมออกมานั้น หลวงปู่ไม่สามารถเข้าไปเอาอังสะ จีวร และถุงย่ามได้ ต่อมาลาวแดงพวกนั้นก็ได้ติดต่อมาทางลูกศิษย์ว่าถ้าอยากได้ของทุกอย่างคืน ให้นําเงินไปไถ่ ๑๐,๐๐๐ บาท หลวงปู่บอกว่าไม่เอาคืน เพราะหลวงปู่เป็นพระกรรมฐาน ไม่ได้ยึดติดกับวัตถุ การตัดเหล็กไหลไม่มีศรอีตู๋ก็ตัดได้ เพราะเหล็กไหลใช้คาถาตัดก็ได้
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย (บ้านดงนา) อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
◎ อาพาธ มรณภาพ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เมื่อหลวงปู่สร้างโบสถ์เสร็จ หลวงปู่เริ่มป่วย อยู่มาวันหนึ่งหลวงปู่ไม่สบายมาก ลูกศิษย์พานั่งรถมาถึงแถวอําเภอศรีเมืองใหม่ หลวงปู่ก็ได้หมดลมหายใจกลางทาง หมอได้ให้เครื่องช่วยหายใจ ทําให้หลวงปู่ฟื้นมาอีกครั้ง ศิษย์จึงนําหลวงปู่มารักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองอุบลราชธานี โดยนําหลวงปู่เจ้าห้องไอซียู รุ่งเช้าหลวงปู่อาการดีขึ้น ท่านเรียกศิษย์เข้าไปหา บอกว่าพ่อเกือบไปแล้วนะลูก พ่อขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ เห็นพระเกจิอาจารย์หลายองค์ หลวงปู่บอกกับศิษย์ว่าถ้าพ่อเป็นอะไรไป ให้เก็บไว้ในโลงแก้ว ยาไม่ต้องฉีด นานไปร่างพ่อจะแห้งไปเอง หลวงปู่หมดสติ หมดลมหายใจไป เป็นแบบนี้อยู่สองครั้งด้วยกัน
ก่อนละสังขารหลวงปู่ไปจำพรรษาที่วัดธาตุวราราม บ้านผือ ตําบลผาบิ้ง จังหวัดเลย ขณะที่หลวงปู่จําพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ได้เข้ารักษาตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ จากนั้นก็กลับมาที่วัดจังหวัดเลย หลวงปู่นอนพักผ่อนให้ศิษย์นวดตัวอยู่ ท่านได้บอกกับศิษย์ว่า “พ่อจะไปแล้วนะลูก” แล้วหลวงพ่อก็หมดลมหายใจไป ในขณะที่ลูกศิษย์ยังนวดตัวอยู่ เมื่อเวลา ๒๒ นาฬิกา ๑๑ นาที ๓๑ วินาที ของวัน ที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ รวมสิริอายุ ๑๐๕ ปี
เมื่อเห็นว่าหลวงปู่หมดลมหายใจแล้ว ทางวัดก็ให้คนขับรถชื่อนายโกศล นําร่างของหลวงปู่ขึ้นนั่งในรถสปอร์ตไรเดอร์ ขับรถกลับผานางคอย มาถึงวัดสวนหินผานางคอยประมาณตีสาม
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย
เมื่อเวลาประมาณ ๙ โมงเช้า ของวันรุ่งขึ้น บรรดาศิษยานุศิษย์ได้จัดเตรียมสถานที่ให้กับสาธุชนได้กราบเคารพศพ หลังจากหลวงปู่พรหมมามรณภาพแล้ว ศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ได้ทำผ้าป่าและกฐินเพื่อนําปัจจัยมาถวายวัด เพื่อสร้างเจดีย์บรรจุสังขารหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ให้สาธุชนทุกท่านได้ขึ้นมากราบไหว้หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร หรือสําเร็จแก้ว
สรีระ สังขาร หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านเป็นพระนักพัฒนา ตั้งแต่หลวงปู่มาอยู่ที่ถ้ำผานางคอย ทําให้ชาวบ้านดงนาและบ้านโหง่นขาม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
◎ การสร้างวัดวัดสวนหินผานางคอย
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านสร้างวัดแห่งนี้ด้วยความยากลําบาก เริ่มสร้างวัดสวนหินผานางคอยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ หลวงปู่อยู่ในถ้ำ ยังไม่เป็นที่รู้จักของชาวบ้าน ศิษย์ที่อยู่ด้วยจะออกไปหาเห็ด หน่อไม้ และของป่า มาทําอาหารถวายท่าน การปฏิบัติหลวงปู่เป็นพระกรรมฐาน ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามรอยพระพุทธโคดม หลวงปู่ปฏิบัติต่างจากพระสงฆ์ทั่วไป คือ หลวงปู่จะเข้าพรรษาปีละ ๖ เดือน เข้าพรรษาประมาณ ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ออกพรรษา ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันเทศกาลลอยกระทง กลางวันหลวงปู่จะต้อนรับลูกศิษย์ลูกหาที่มากราบไหว้ แล้วเดินดูงานก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด กลางคืนหลวงปู่จะนั่งสมาธิจนถึงเวลาประมาณตีสี่ หลวงปู่ถึงจะจําวัด ตื่นประมาณ ๗ โมงเช้า หลวงปู่จะมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก
◎ การฉันอาหาร
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านจะฉันอาหารมือเดียว ประมาณ ๙ นาฬิกา บางพรรษาหลวงปู่จะฉันอาหารเจ หลวงปู่จะเป็นห่วงลูกศิษย์มาก เวลาที่ลูกศิษย์ขึ้นไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่จะเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของลูกศิษย์ โดยได้กําชับให้แม่ครัวคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้ลูกศิษย์ทุกเวลา ไม่มีขาด
◎ การรักษาคนป่วย
ผู้คนที่ป่วยไม่ว่าจะถูกคุณไสย หรือป่วยจนหมอ ไม่รับรักษาแล้วจะเดินทางมาให้หลวงปู่ช่วยรักษา หลวงปู่จะรักษาด้วยน้ำมนต์ และคาถา ถ้าเกี่ยวกับกระดูก จะรักษาด้วยน้ำมันมะพร้าว หลวงปู่มีจิตเมตตา มากบางคนมารักษากับหลวงปู่อยู่เป็นเดือน เมื่อหลวงปู่รักษาหายแล้วไม่มีค่ารถกลับบ้าน หลวงปู่ก็ได้ให้เงินค่ารถกลับบ้านอีกด้วย
◎ การปลุกเสกวัตถุมงคล
หลวงปู่จะมีแผ่นผึ้ง (ตาย) สําหรับนั่งบริกรรมคาถาอธิษฐานจิต และมีเทียนตาย ที่ทําจากขี้ผึ้งแท้ หลวงปู่เรียกว่า “ผึ้งพันปี” หลวงปู่นเอามาจากถ้ำที่ประเทศลาว ที่นั่งเทเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม กว้างประมาณ ๙๐x๙๐ ซม. หนาประมาณ ๗-๘ ซม. ส่วนเทียนปีประมาณ ๒ ต้น สูงประมาณ ๑ ฟุต ถ้าทําพิธีอยู่ที่วัด หลวงปู่จะใช้แผ่นผึ้งและเทียนตายทุกครั้ง เวลาปลุกเสก ท่านจะหยิบวัตถุมงคลขึ้นมากําไว้ในมือซ้าย ๑ องค์ ท่านจะใช้นิ้วด้านขวาวัดคืบดู แล้วท่านจะรู้ว่ามีพลังเต็มหรือไม่ ถ้าพลังยังไม่เต็ม ท่านก็จะวางวัตถุมงคลนั้นไว้คืน และทําการปลุกเสกอธิษฐานจิตต่อจนกว่าวัตถุมงคลนั้นจะมีพลังเต็ม
ขณะอยู่ที่เวินเพาะ กุฏิหลวงปู่พรหมมาสร้างอยู่แบบเรียบง่าย สมถะ ใช้ไม้ไผ่ทุบแบนๆ ทําเป็นพื้น หลังคาเป็นหญ้าแฝก กว้างประมาณ ๕X๘ เมตร สูงจากพื้น ๑ เมตร ขณะที่หลวงปู่อยู่ที่เวินเพาะ ข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่บ่อยมาก บางครั้งไปพร้อมกับตาแสง ในขณะนั้นตาแสงแก่มาก อายุประมาณ ๘๐ กว่า ข้าพเจ้าและตาแสงเดินทางไปจอดรถไว้ที่อําเภอสําโรง เดินลงท่าขึ้นเรือที่แม่น้ำโขง ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นหน้าผาหิน สวยงามมาก ล่องเรือไปประมาณ ๑ ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือเวินเพาะ ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขง เดินขึ้นเขาไปบนกุฏิหลวงปู่ ขณะนั้นข้าพเจ้าอายุประมาณ ๒๐ กว่า ตาแสงในขณะนั้นเดินขึ้นไปไม่ได้ ต้องให้ชาวบ้านใช้ผ้าทําเป็นเป้แบกหามตาแสงขึ้นไปบนเขา เลยกุฏิหลวงปู่ขึ้นไปบนเขาประมาณ ๓ ก.ม. มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ ๒๐ หลังคาเรือน แถวริมฝั่งแม่น้ำโขงมีทหารลาวกู้ชาติอยู่เป็นจุดๆ ขณะนั้นหลวงปู่จะมีจัว หรือเณร มาบวชอยู่ด้วยในพรรษา รวมพระและเณรประมาณ ๑๐ กว่ารูป
ในระหว่างนั้น ข้าพเจ้าเปิดร้านทํากิจการใหม่ๆ ได้มาหาหลวงปู่พร้อมกับตาแสง ได้มาเห็นความยากลําบากของหลวงปู่ ข้าวสารอาหารจะให้พระเณรมันก็มีน้อย อาหารและข้าวสารคงมีไม่พอสําหรับพระและเณรจนกระทั่งถึงออกพรรษา ในระหว่างนั้นข้าพเจ้าก็ยังมีฐานะไม่ดี แต่ก็พยายามหาเงินเพื่อซื้อข้าวสารมาถวายหลวงปู่ได้พรรษาละ ๒-๓ กระสอบ ข้าพเจ้าปฏิบัติแบบนั้นอยู่หลายปี
ขณะที่อยู่เวินเพาะหลวงปู่สร้างวัตถุมงคล ดังนี้
๑. สร้างปลัดขิกจากไม้ตาลปัตร และไม้มงคลต่างๆ
๒. ตะกรุดโทนและตะกรุด ๑๐๘
๓. ลงแผ่นทองคําเปลว ๑๐๘
๔. ลงยันต์ ๓,๐๐๐ วอ และอาบน้ำมันและน้ำว่าน
๕. เทพระปิดตา ทําจากเหล็กเปียก
๖. ฝังเหล็กไหลท้องปลาดุก และเหล็กไหลท้องปลาไหล
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร สร้างปลัดขิก สมัยนั้นทําไม่มากนัก ส่วนมากทําตามจํานวนลูกศิษย์ที่ไปหา ทําเสร็จวางไว้ในบาตร กลางคืนปลุกเสก หลวงปู่บริกรรมคาถาปลุกเสกจนกว่าปลัดขักจะวิ่งรอบบาตร เมื่อปลัดขิกวิ่งได้แล้ว ตื่นเช้าขึ้นมาหลวงปู่จะแจกลูกศิษย์
หลวงปู่สร้างตะกรุดโทน และตะกรุด ๑๐๘ สมัยนั้นหลวงปู่ให้ลูกศิษย์หาฝาบาตรเก่าของพระ หาเฉพาะฝาที่เป็นทองเหลืองของพระที่ใช้แล้ว นำไปให้หลวงปู่ทําตะกรุด หลวงปู่ลงแผ่นทองคําเปลว หลวงปู่จะลงเหล็กจารที่หน้าผาก แล้วทาด้วยน้ำมันเก้ากลิ่น แล้วปิดทองคําเปลว ๑๒ แผ่น เป่าคาถาเสกเข้าไป เสร็จแล้วลงเหล็กจารที่แผ่นหลัง ลงน้ำมันเก้ากลิ่น แล้วลงทองคําเปลว ท่องคาถาเสกเป่าเข้าไป ต่อมาลงเหล็กจารเขียนยันต์ที่หน้าอก ทาน้ำมันเก้ากลิ่น เสกคาถาแล้วเป่าแผ่นทองเข้าไป
หลวงปู่ลงยันต์ ๓,๐๐๐ วอ หลวงปู่ให้โกนผมออกหมด แล้วลงอักขระยันต์ ๓,๐๐๐ วอ ลงทั่วตัว เสร็จแล้วอาบน้ำว่าน แล้วทาน้ำมันทั่วตัว เสร็จแล้วให้ไปนั่งบนโขดหินทําสมาธิ ๓-๔ ชั่วโมง
หลวงปู่พรหมมาและศิษย์ เทพระปิดตา ๒ องค์ ขณะนั้นศิษย์และหลวงปู่อยู่ตามลำพัง มีศิษย์คนหนึ่งหัดทําบล็อกพระฝากไว้กับหลวงปู่หนึ่งอัน วันนั้นหลวงปู่บอกว่าเป็นวันมหามงคล หลวงปู่ได้หยิบเหล็กเปียกออกมาจากอังสะ ท่านเดินลงจากกุฏิไปนํากระป๋องนมมาหนึ่งอัน แล้วหย่อนเหล็กเปียกลงไปในกระป๋องนม แล้วนําไปตั้งบนกองไฟ แล้วหลวงปู่บอกให้ศิษย์นําบล็อกพระปิดตาไปให้ท่าน แล้วหลวงปู่ได้เทเหล็กเปียกลงไปในบล็อกพระปิดตา เทได้ ๒ องค์ เหล็กเปียกก็หมด ในขณะที่หลวงปู่กำพระไว้สององค์ และบริกรรมคาถา ได้มีหมอกลงหนาจัดจนมองรอบข้างไม่ค่อยเห็น ประมาณ ๕ นาที ก็จางหายไป หลวงปู่บอกกับศิษย์ว่ามีฤาษีมา
หลวงปู่ฝั่งเหล็กไหลท้องปลาดุก และเหล็กไหลท้องปลาไหล ฝังใส่แขนให้กับทหารลาวกู้ชาติ เวลาทหารกู้ชาติจะข้ามไปฝั่งลาว ถืออาก้า เอ็ม ๑๖ และระเบิด เดินเข้ามาที่กุฏิหลวงปู่ เพื่อให้หลวงปู่ฝั่งเหล็กไหล การฝังต้องดึงเนื้อท้องแขนออกมาวางกับหมอนรอง และใช้สิ่วทองเหลืองตอกให้ท้องแขนทะลุ แล้วดันเหล็กเข้าไปในเนื้อท้องแขน แล้วหลวงปู่ก็จะบ้วนน้ำลายใส่แผลที่ฝัง เหล็กแล้วจากนั้นก็ท่องคาถาเป่าใส่แขน เลือดที่ไหลซิบๆ อยู่จะหยุดไหลทันที จากนั้นทหารกู้ชาติก็จะข้ามฝั่งโขงไป
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย
ขณะที่หลวงปู่อยู่ที่เวินเพาะ เณรคําที่เป็นสหายธรรม ที่อยู่กับฤาษีภูเขาควายประเทศลาว เณรคำจะหนีปู่ฤาษีมาหาเณรแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) ที่นี่หลายครั้ง บางครั้งมาจะทําตัวเป็นคนเสียสติ บางครั้งมาเหมือนคนแก่ และบางครั้งก็มาเหมือนเด็ก มาบางครั้งถูกทหารกู้ชาติจับมัดไว้ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสายลับ หลวงปู่ต้องไปบอกกับทหารให้ปล่อยตัวท่าน เณรคำเป็นคนที่ดื้อมาก ปู่ฤาษีท่านไม่อยากจะให้ลงจากภูเขาควายเท่าไหร่นัก
เณรแก้ว หรือสําเร็จแก้ว หรือหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ผู้มี ๓ จิตวิญญาณ ในร่างเดียว ร่างที่หนึ่งคือฤาษี ร่างที่สองคือเณร ร่างที่สามคือตัวท่านเอง
◎ ประสบการณ์จากศิษย์
๑. นายสําลี อยู่กับหลวงปู่ที่วัดประเทศลาว ระเบิดตกลงมาถูกผ้าจีวรไม่ระเบิด
๒. นายสม พาลูกน้องข้ามไปฝั่งลาว โดนลาวแดงยิงระเบิดอาร์พีจีใส่กระดูกแตก หลวงปู่ทําน้ำมันมนต์และเป่าคาถาต่อกระดูกให้
๓. นายสุนา ถูกเอ็ม ๗๙ ยิงใส่แผ่นหลัง เป็นแผลเลือดออกเล็กน้อย
๔. นายศรี ช่างซ่อมรถยนต์ ไฟไหม้เป็นวงกลมอยู่กับที่ไม่สามารถออกไปได้ มีฤาษี ศก วางอยู่ที่นั่น
๕. ไปรักษาคนไข้ที่เตาปูน อยู่ดีๆ ปากเบี้ยวพูดไม่ได้ หลวงปู่เอาหัวหมูไปไหว้ศาลพระภูมิ สักพักหนึ่งปากหายเบี้ยวและพูดได้ หลวงปู่บอกว่าเป็นผีแขก กลัวหมูเลยหนีไป
สรีระ สังขาร หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย
◎ ประวัติผานางคอย
บ้านน้องอยู่เมืองอุบล เป็นคนวางศรีเมืองใหม่ สุดเขตฝั่งโขงแดนไกล อยู่ใกล้กับผานางคอย อ้ายมาเปิดใจจีบน้อง หมายปองสาวนาตาต้อย ก็แอบดีใจบ่น้อย แต่ย่านฮักสาวน้อยเถิดหนอ เคยฟังเรื่องเล่าสาวผานางคอย ยังมีสาวน้อยถูกหลอกให้คอย ให้รออยู่ตรงหน้าผา หลายวันเวลาติดต่อ แต่คนรักหนอกลับลืมคำมั่นสัญญา ไม่มา แล้วเขาไม่มาอีกเลย อกเอ๋ย เธอเลยโศกเศร้าโศกา ร้องไห้ผิดหวังและหลั่งน้ำตา โดดลงหน้าผาดับสิ้นชีวาจากไป อ้ายเอยถ้าอักน้องจริง อย่าทิ้งละให้น้องปวดใจ อย่าเฮ็ดให้น้ำตาไหล ต้องให้ คือสาวผานางคอย
เนื้อความข้างต้นคือบทเพลงลูกทุ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติความเป็นมาของผานางคอย
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย (บ้านดงนา) อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
◎ ประวัติภูเขาควาย
ภูเขาควาย หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นเทือกเขาใหญ่ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขงในประเทศลาว ห่างจากตัวนครเวียงจันทร์ราว ๗๐ กิโลเมตร ตรงข้ามกับจังหวัดหนองคายของไทย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีถ้ำคูหาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนไปมาอย่างลึกลับ และเป็นสถานที่อยู่อาศัยสําหรับผู้ที่ต้องการบําเพ็ญเพียรฝึกจิต ฝึกฤทธิ์ของเหล่าบรรดาพระธุดงค์ ตาปะขาว เหล่าฤาษีชีไพรทั้งหลาย ซึ่งภูเขาควายเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบรรดาจอมขมังเวทย์ทั้งหลาย ที่ต้องการเดินทางเพื่อไปศึกษาคาถาวิชาอาคมเวทย์มนต์ต่างๆ เช่น หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เคยธุดงค์ไปแสวงหาเรียนรู้วิชาที่เทือกเขาแห่งนี้กันเป็นจํานวนมาก จะว่าไปแล้ว ภูเขาควายก็เปรียบประดุจจุดศูนย์รวมแห่งภาควิชาไสยเวทย์ เฉกเช่น เดียวกับสํานักตักศิลาในชมพูทวีปอดีต หรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งไม่แตกต่างไปจากสํานักวัดเส้าหลินของจีน อันวิทยาคมไสยเวทย์ ว่ากันว่าขุนเขา ลูกนี้เป็นเสมือนแหล่งชุมชนผู้แสวงหาวิชาไสยศาสตร์อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่คนในเมืองลาวเท่านั้น หากแต่ยังมีนักแสวงหาวิชาไสยศาสตร์จากถิ่นอื่นก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนเขมร หรือคนพม่า ก็มีความต้องการที่จะเดินทางไปแสวงหาวิชาความรู้ที่เทือกเขาลูกนี้ เมื่อผู้คนเหล่านี้สําเร็จวิชาออกมาจากภูเขาควาย ก็จะได้รับการยกย่องเชิดชูว่าเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ทางไสยศาสตร์เวทวิทยาคมจากคนทั้งหลาย ไม่เก่งทางใดก็ทางหนึ่ง ส่วนผู้ที่ถ่ายทอดวิชานั้น กลุ่มผู้แสวงหาวิชาไสยศาสตร์มักจะเรียกกันว่าครูฤาษี ซึ่งฤาษีในที่นี้บางที่ก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินเหมือนเช่นที่เราคิด หากแต่เป็นนิมิตอันเกิดจากจิตสมาธิของผู้ที่จะเรียน จะฝึกฝน จนสามารถเข้าไปสัมผัสติดต่อกันผ่านทางการนั่งสมาธิ ผู้ที่ผ่านการเรียนการฝึกจิตบวกกับอํานาจวาสนาบารมีแต่หนหลัง หรือจะเรียกว่าแล้วแต่บุญญาบารมีของใครจะมากจะน้อยกว่ากัน ใครที่ฝึกฝนสมาธิจิตเข้มแข็ง มีพลังจิตสูง ก็จะได้เรียนวิชาผ่านครูฤาษีสำเร็จ จนได้วิชามาช่วยเหลือผู้คนในด้านต่างๆ ได้มาก
การถ่ายทอดสรรพวิชาของครูฤาษี จะมาปรากฏในรูปของจิตสมาธิ ปรากฏเป็นอักขระบนฝาผนังถ้ำ เพื่อให้ได้เรียนและจดจําตําราที่ปรากฏออกมา ดังนั้น ผู้ที่ฝึกจิตจนเข้มแข็งแล้ว จะเข้าไปสู่เทือกเขาด้านใน ซึ่งจะมีถ้ำอยู่เป็นจํานวนมาก เพื่อไปบําเพ็ญเพียร ฝึกสมาธิจิต ฝึกฤทธิ์ อยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะไปเรียนวิชากับครูฤาษีที่มีจิตเป็นทิพย์ หรือจะไปขอเรียนวิชาไสยศาสตร์จากครูบาอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่รอบๆ เขา ซึ่งผู้จะเรียนก็ต้องปรนนิบัติอาจารย์ท่านนั้นเป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับความเมตตาจากอาจารย์ท่านนั้น และวิชาไสยเวทย์ที่จะได้รับการถ่ายทอดก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์ท่านนั้นว่าจะเมตตาถ่ายทอดให้แค่ไหนเพียงใด ตามความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณของเมืองลาวมีอยู่ว่า ผู้ใดก็ตามที่ผ่านการเล่าเรียนวิชาอาคมออกมาจากเทือกเขาควาย ผู้นั้นจะได้รับการยอมรับนับถือจากชาวบ้านว่าเป็นผู้วิเศษ มีความรู้ความสามารถในเรื่องไสยศาสตร์ เก่งกาจด้านเวทมนต์คาถา สามารถประกอบพิธีกรรมอันเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สีหราช กระแสพระ
ที่มา : ๑๐๘ พระเกจิ
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี