FORGOT YOUR DETAILS?

บันทึกเพื่อศึกษา

บทความเกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล บันทึกไว้เพื่อการศึกษา บางบทความคัดลอกมาจากเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ บทความใดที่นำมาลงเผยแพร่โดยมิได้แจ้งให้ผู้เขียนหรือเจ้าของสิทธิ์ทราบก่อน แอดมินต้องกราบขออภัย และขออนุญาตคัดลอกมาเผยแพร่ต่อด้วยนะครับ

บทความเกี่ยวกับพระเครื่อง และของสะสมเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

บทความเกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล ของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ

บทความเกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล ของเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ตามตำนานของชาวล้านนาบันทึกไว้ว่า ในสมัยโบราณสมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่งแนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์อัศจรรย์ คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลายได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน ตามคติความเชื่อที่ว่า พระเศรษฐีนวโกฏิ เป็นที่สุดแห่งพุทธคุณด้านมหาเศรษฐี ร่ำรวยมั่งมีทรัพย์ ถ้าผู้ใดได้กราบบูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จักเป็นผู้มีอำนาจบารมี ยังผลให้เป็นผู้ที่เจริญในโภคทรัพย์ เงินทอง การงานต่างๆ สิ่งที่พึงปรารถนาพึงสำเร็จก้าวหน้ามั่นคง และมั่งมีตลอดกาล
วันนี้มีโอกาสได้ชมสุดยอดพระกริ่ง เป็นพระกริ่งที่ถือได้ว่าเป็นมงคลสูงสุดสำหรับวงการพระเครื่อง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในแผ่นดิน คือ เป็นพระกริ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงพระผนวชเป็นพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงเททองด้วยพระองค์เอง แทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ซึ่งทรงพระประชวร ไม่สามารถทรงประกอบพิธีหลวงและพิธีเททองได้ นั่นคือ พระกริ่งพระพุทธชินสีห์ หรือ พระกริ่ง 7 รอบ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2499 พระกริ่งพระพุทธชินสีห์ หรือ พระกริ่ง 7 รอบ องค์นี้เป็นพิมพ์แต่งเก่ามาแต่เดิม เนื้อทองเหลืองแก่ทองคำ จะเห็นประกายทองคำซึ่งผสมอยู่ทั่วทั้งองค์ การแต่งกริ่งองค์นี้แต่งได้งดงามครับ ผิวแห้งเก่าอมเขียว ทำให้ดูง่าย มีคราบน้ำตาลหรือสนิมทองเหลืองปรากฏอยู่กระจายทั่วทั้งองค์ ยิ่งเป็นจุดที่พิจารณาง่ายอีกจุดหนึ่ง นอกจากนี้ ร่องรอยจากในแม่พิมพ์ก็ยังปรากฏให้เห็น เช่น ร่องหลุมที่ข้อเท้าขวาองค์พระ หรือ จุดกลมด้านหลังองค์พระ เป็นต้น
“พระกริ่งพระพุทธชินสีห์ หรือ พระกริ่ง 7 รอบ หนึ่งในพระกริ่งยอดนิยมของวัดบวรนิเวศวิหาร นับเป็นพระกริ่งหนึ่งเดียว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จเททองด้วยพระองค์เอง ขณะทรงผนวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร” พระกริ่งพระพุทธชินสีห์ หรือที่วงการพระเรียก “พระกริ่ง 7 รอบ” สร้างเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 7 รอบ ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) องค์พระราชอุปัชฌาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และประการสำคัญ ในพิธีเททองหล่อพระกริ่ง ได้ทรงอาราธนาล้นเกล้า ร.9 ซึ่งทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และทรงประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเป็นองค์ประธานเททองปฐมฤกษ์อันเป็นมหามงคลชัย ดังความที่ได้คัดลอกบางตอนจาก “ตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร” ดังนี้
พระกริ่งของพระราชา มหามงคลแห่งแผ่นดิน (๑) พระกริ่ง ๗ รอบ หรือ พระกริ่งพระพุทธชินสีห์ จัดสร้างในมหามงคลโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๗ รอบ ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งเสด็จฯ ออกทรงพระผนวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นพระกริ่งที่ทรงด้วยคุณวิเศษเป็นมงคลอย่างสูงสุด และปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในแผ่นดิน คือ เป็นพระกริ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งทรงพระผนวช เสด็จฯ ทรงเททองด้วยพระองค์เอง แทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ซึ่งทรงพระประชวร ไม่สามารถทรงประกอบพิธีหลวงและพิธีเททองได้
สุดยอดพระกริ่งอีกรุ่นหนึ่ง พระกริ่ง พุทธวิชิตมาร วัดท่าเกวียน เนื้อนวะโลหะ ปี ๒๕๑๔ หลวงปู่ทิม หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อพรหม ร่วมปลุกเสก สวยเเบบนี้หายากมากๆ ครับ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ “พุทธวิชิตมาร” วัดท่าเกวียน จ.ฉะเชิงเทรา ปี ๒๕๑๔ จัดสร้างโดยท่านเจ้าคุณ พระอดุลสารมุนี (หลวงปู่จันทร์) เจ้าอาวาสวัดท่าเกวียน เจ้าคณะอำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา วัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิท่านเจ้าคุณพระอดุลสารมุนี เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุและสามเณรที่ยากไร้ พิธีมหาพุทธาภิเษก ได้ให้ฤกษ์ยามโดย พระอาจารย์ไสว วัดราชนัดดารามวรวิหาร ในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๑๔ ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๗ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน จุลศักราช ๑๓๓๒ เวลา ๑๘.๐๕ น. อันเป็นฤกษ์จุดเทียนชัย
***บทความนี้ต้องการนำเสนอมุมมองทางเศรษฐกิจต่อวงการพระเครื่อง ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนแต่อย่างใด ในปี 2553 มีการบันทึกสถิติการเช่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ด้วยราคาสูงถึง 35 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่ามากกว่ารถเฟอร์รารี ทำให้พระเครื่องเป็นหนึ่งในมวลสารที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และคุณรู้หรือไม่ว่าในแต่ละปีมีเงินหมุนเวียนในวงการพระเครื่องมากกว่า 7 พันล้านบาท ยังไม่นับรวมการปล่อยเช่าในระบบออนไลน์ และการเช่าประมูลในต่างประเทศ ถ้ารวมๆ กันแล้วคาดว่ามีเงินที่อยู่ในแวดวงพระเครื่องสูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว
“พระเครื่อง” กับความศรัทธาที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานและมีกำไรมหาศาล พระเครื่องนั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และเชื่อว่าหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตทุกคนต้องผ่านการห้อยพระมาแล้วแน่นอน แต่เมื่อมองลึกลงไปกว่านั้น วงการพระเครื่องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราจะไปค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับพระเครื่องที่เป็นทั้งเครื่องราง ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดกำไรมหาศาล พระเครื่องกับคนไทยเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะชายชาตรี จะพูดไปพระเครื่องก็เริ่มจากนักเลงที่ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทำให้หนังเหนียวหรือแคล้วคลาด ถ้าคุ้นเคยคนไทยก็คงเป็นตี๋ใหญ่ หรือที่กำลังดังตอนนี้เป็นขุนพันธ์อดีตนายตำรวจชื่อดัง ซึ่งมีชื่อเสียงในการปราบโจรร้ายทั่วประเทศ
การทำธุรกิจในปัจจุบัน หลายคนอาจจะมองว่าช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหลือเกิน ไหนจะคู่แข่ง ไหนจะต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจรุมเร้าจนรายได้หดหาย ขายไม่ดี วันนี้ Smart SME มีโอกาสได้พูดคุยกับคนรุ่นใหม่ ที่มีรูปแบบการทำธุรกิจแบบไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย แต่เลือกหยิบเอาของใกล้ตัวคือ “พระเครื่อง” ที่เป็นธุรกิจของที่บ้านมาต่อยอดและสร้างรายได้ให้งอกเงยบนแพลตฟอร์ม “ออนไลน์” ประดับเดือน สวรรค์ขวัญ หรือ หญิง สาวเก่ง ไอเดียดี ที่มีแนวคิดกว้างไกล คือคนที่เราพูดถึง โดยเลือกจะนำเอาธุรกิจที่หลายคนไม่คิดว่าจะมาโลดแล่นบนออนไลน์อย่างพระเครื่อง มาสร้างรายได้เสริมเพิ่มเติมจากการทำงานประจำควบคู่กันไป แถมยังรายได้ดีอีกต่างหาก
สกิลการสะสมพระเครื่องแบบนักลงทุน ตรรกะการสะสมพระเครื่องแบบนักลงทุน อาจจะขัดแย้งกับนิยามการสะสมที่ลูกเพจเคยได้รับมา แต่ผมจะอธิบายถึง “การเก็บเพื่อลงทุน” อย่างเดียวครับ เรื่องพุทธศิลป์ พุทธพานิช พุทธคุณ อิทธิปฎิหาริย์ หรือความศรัทธา ผมไม่พูดถึงในบทนี้ บทนี้ผมว่ากันตรงๆ ด้วยเรื่อง “การลงทุนการสะสมเพื่อหวังให้การลงทุนนั้นงอกเงย” อย่างเดียว เป็นแนวทางการลงทุนแบบการตลาด แบบนักลงทุน และเซียนรุ่นเก่าเก๋าเกมส์บางคน หรือโคตรเซียนในตำนาน และคนสนิทเพื่อนเซียนหลายๆ คน ก็ใช้แนวทางนี้เช่นกันครับ
ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตดีขึ้น มันไม่ใช่แค่หาวัตถุมงคลมาห้อย สรรหาเช่าแพงๆ เพื่อหวังพึ่งพาพุทธคุณ แต่มันต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเองก่อน สันดานอันไหนไม่ดีต้องหักดิบ เลิกซะ ทำให้ถูกทางถูกต้อง ทำจริงๆ ตั้งเป้าหมาย ทำดีๆ เดือนนึงเห็นผล ส่วนที่สอนทำบุญให้ทำให้ดี ทำให้เป๊ะ แค่นี้พลังเสริมและจังหวะชีวิตจะดีขึ้น ผมช่วยผลักดัน ใช้วิชาช่วยคุณให้ง่ายอีกชั้น ส่วนที่สามผมถึงพูดถึงวัตถุมงคล ที่จะทำให้ คุณได้ผลเร็วกว่าเดิมด้วยแรงครูบาอาจารย์ จงลงทุนให้ถูกทาง เพราะถ้าคุณเช่าวัตถุมงคล มาแล้วขอไม่ได้มันจะทำเราเสื่อมศรัทธา โดยที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ทำผิดอะไร แค่บุญของคุณมันไม่พอ ในสิ่งที่ขอเท่านั้นเอง
ผมเชื่อว่าเมื่อเรามีศรัทธามาก มันจะดึงดูดคนประเภทเดียวกันเข้ามา ทุกอย่างไม่มีเรื่องบังเอิญ และที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่เราได้เจอกัน ขอให้เป็นเรื่องดีๆ ให้กันก็เพียงพอ เจอกันเป็นบทเรียนเพื่อให้เรียนรู้ว่าชีวิตต้องเจออะไรบ้าง ปรกท้าวเวสสุวรรณ (ดวงดี) เนื้อทองคำนำฤกษ์ เจิมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ท่านเจิมให้เอาไว้บูชาชีวิตจะได้ไม่ตกต่ำ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ตั้งใจทำฝากไว้ในแผ่นดินนี้ เพื่อเป็นเรื่องราวและตำนานเล่าขานสืบไป วันดีๆ ที่สุดในชีวิตอีกวันนึง บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา ที่มา : ลูกศรีวิชัย ผู้เขียน : Oil Thanames
เมื่อไหร่ชีวิตจะดี ก็มัวโทษทุกอย่างแม้กระทั่งดวงชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตไม่ดีก็ทำตัวเองให้ดีดิว่ะ มัวรออะไร รอให้ใครมาประเคนชีวิตที่ดีให้เหรอ คงต้องบอกให้เพียงตื่นจากฝัน และลงมือทำ ทำให้ถูกต้อง ทำให้ถูกทาง จะได้ไม่ต้องบ่น ไม่ต้องปลอบใจว่าไม่ได้ชาตินี้ก็ได้ชาติหน้า ชาตินี้ไม่ได้ชาติหน้าอย่าหวังเลยดีกว่า ความจริงที่บอกสอนแม่งโหดร้ายเสมอ แต่เมื่อเข้าใจจะรู้ว่าทำไมมันบัดซบ ไม่ดีซักที ของดีทำไว้ให้ไปห้อยบูชา เอาไปห้อยจะได้ดี จะได้ช่วยอีกทาง ไม่ต้องดิ้นรนหา เงินทั้งนั้น เก็บเงินจะเช่าพระแพงไว้เลี้ยงดูตัวเอง และครอบครัวลูกเมียไหม? เห็นมาเยอะแล้ว ห้อยพระดีไม่มีบุญ สุดท้ายขายแดกอีก บทเรียนไว้ปรับปรุงชีวิต เขียนเพื่อเตือนระลึกตัวเอง
เพราะมันคือเครดิต มันคือความน่าเชื่อถือ มันคือองค์ประกอบนึงที่ทำให้เราสำเร็จ เพราะถ้าเรามีความตั้งใจแน่วแน่แล้วละก็ เราได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน และถ้าทำได้ เราจะมีแต้มบวกในส่วนนี้ แต้มบวกเอาไว้ทำไม ไม่ได้เอาไว้บวกใส่หน้ากันแน่นอน แต่มันเป็นการบอกคุณค่าในตัวของเรา หลายครั้งในเมื่อก่อน ผมรักษาสัจจะกับครูบาอาจารย์ แล้วเคยพลาดทำไม่ได้ โดยตัวเราเนี่ยละไปผูกสัญญาไว้เอง ตอนหลังผมแก้ไขตัวเอง เลิกเป็นคนพูดไปเรื่อย ไปรับปากอะไรไว้ ผมก็ทำให้เต็มที่ และที่สำคัญผมดูกำลังตัวเองว่าทำได้ไหม ผมเริ่มทำได้ทีละนิด และเริ่มเพิ่มเงิ่อนไขให้ตัวเองมากขึ้น เพื่อพัฒนาตัวเอง ในแต่ละวัน กลายเป็นเราเนี่ยละสร้างสัจจะกับตน และทำให้ได้ในแต่ละอย่างทีละน้อย และความเชื่อถือในตนเองจะมากขึ้น เพราะเป็นคนจริงจังมากขึ้น อะไรที่ทำยังไม่ได้ผมรีบแก้ไขให้ไวขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เสื่อมในศรัทธาหลักๆ ก็มีหลายเหตุปัจจัย แต่ส่วนมากอย่างแรกคือ ขอแล้วไม่ได้ดั่งใจที่หวัง คืออันนี้คือปัญหาโลกแตกไหม คือเอ็งขอพร เอ็งไม่ได้ ถามก่อนว่าเคยทำดีอะไรบ้างไหม หรือเคยมา กราบครูบาอาจารย์บ้างไหม ไม่ใช่สักแต่ขอ ขอไม่ได้ก็นอยส์แดก โวยวาย ประหนึ่งว่าครูบาอาจารย์ติดหนี้บุญคุณเอ็งต้องช่วยเอ็งตลอดเวลา อย่างที่สอง ที่เสื่อมศรัทธาคือ ได้ผลในสิ่งที่ขอ หรือตั้งหวังแล้ว บรรลุเป้าหมายแล้ว ที่เหลือช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ทำเป็นแล้ว เหมือนจบเรื่องเสร็จแก้บน และแยกย้าย บ้านใครบ้านมัน จบ
TOP